การ ดูแลโรคเก๊าท์ ในผู้สูงอายุ ควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพราะโรคเก๊าท์ถือเป็นโรคที่มักจะพบได้ในผู้สูงอายุ เนื่องจากการกินโปรตีนบางอย่างมากจนเกินไป และทำให้ย่อยสลายจนกลายเป็นกรดยูริกที่ไปตกตะกอนในข้อ
ทำให้เกิดการอักเสบเฉียบพลัน และผู้สูงอายุจะเป็นโรคเก๊าท์ได้จะต้องมีระดับกรดยูริกในเลือดสูงเฉลี่ยมากกว่า 20 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่จะพบโรคนี้ได้ในเพศชายมากกว่าเพศหญิง ในอัตราส่วน 3:1
เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนในเพศหญิงจะทำให้ไตขับกรดยูริกออกมาได้ดี และยังมีการพบความชุกของโรคที่เพิ่มขึ้นตามอายุ โดยในผู้ชายจะถูกพบในอายุมากกว่า 65 ปี และผู้หญิงอายุมากกว่า 85 ปี และผู้หญิงที่หมดประจำเดือนแล้ว
อาการของโรคเก๊าท์
จะเป็นลักษณะของการอักเสบของข้อแบบเฉียบพลัน 1-2 ข้อ อาการจะร้อนบวม แดง กดแล้วจะรู้สึกเจ็บ และปวดรุนแรง ในระยะแรกจะพบข้ออักเสบบริเวณข้อนิ้วเท้า ข้อเท้า และข้อเข่า
หลังจากนั้นอาการจะดีขึ้นก็ขึ้นอยู่กับการรักษาของแต่ละคน ซึ่งการเกิดข้ออักเสบเฉียบพลันจะสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีก เพราะเกิดจากการอักเสบของข้อ และเนื้อเยื่อรอบข้อแบบซ้ำ ๆ จึงทำให้เกิดปุ่มใต้ผิวหนัง เช่น ข้อนิ้วมือ ข้อมือ ข้อศอก ข้อเท้า และข้อนิ้วเท้า และถ้าหากผู้ป่วยมีระดับกรดยูริกในเลือดสูงเป็นเวลานาน จะทำให้ข้อ และเนื้อเยื่อโดยรอบถูกทำลายได้เช่นกัน
สาเหตุของการเกิดโรคเก๊าท์
โรคเก๊าท์ เกิดจากการขับถ่ายของสารพิวรีนของร่างกายผิดปกติ สารพิวรีนก็คือธาตุที่อยู่ในเนื้อสัตว์ ข้าวสาลี และเครื่องในสัตว์ ที่ถูกย่อยจนกลายเป็นกรดยูริก และถูกขับออกมาเป็นปัสสาวะ ในคนปกติแล้วกรดยูริกจะถูกสร้างขึ้นมาช้าพอที่ไตจะขับออกมา แต่ถ้าหากคนที่กรดยูริกถูกสร้างขึ้นมา แต่ไตขับออกมาได้ช้า หรือเร็วก็ตาม ก็จะทำห้เกิดการสะสมของกรดยูริกมากในร่างกายของเรา ด้วยสาเหตุนี้เองที่ทำให้เกิดการปวดรุนแรงในข้อกระดูก หรือรอบ ๆ ข้อได้ นอกจากนั้นแล้วโรคนี้ยังสามารถถ่ายทอดกันได้ทางพันธุกรรมอีกด้วยเช่นกัน
วิธี ดูแลโรคเก๊าท์ มีดังนี้
-
พบแพทย์เพื่อติดตามการรักษา
-
ไม่ควรหยุดยาเอง หรือกินยาไม่สม่ำเสมอ
-
งดการดื่มเบียร์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
-
งดการนวด หรือบีบข้อ
ทั้งนี้ ไม่มีการห้ามทานอาหารใด ๆ ยกเว้นว่าในผู้ป่วยบางคนที่เมื่อทานอาหารบางอย่างแล้วเกิดอาการข้ออักเสบขึ้น ให้หลีกเลี่ยงอาหารนั้น ๆ และถ้าเมื่อกรดยูริกอยู่ในระดับปกติแล้วก็สามารถทานได้ตามปกติ
![](https://www.exta.co.th/wp-content/uploads/2021/02/info-03-แก้ไข-640x800.jpg)
นอกจากนั้น อีกหนึ่งวิธี ดูแลโรคเก๊าท์ คือ การกินวิตามินซีก็ยังเป็นตัวช่วยที่ทำให้กรดยูริกลดลงได้ แต่ควรจะรับประทานวิตามินซีในขนาดที่พอดี ในผู้ใหญ่เพียง 75-90 มิลลิกรัมเท่านั้น หากทานวิตามินซีสูงมากกว่า 1,000 มิลลิกรัม/วัน อาจจะเป็นการเพิ่มกรดในปัสสาวะได้ และอาจทำให้เกิดการตกตะกอนในท่อไตได้ หรือหากต้องการรับประทานวิตามินซีเพื่อลดระดับกรดยูริกก็ควรจะทานในปริมาณที่น้อย ๆ นอกจากนั้นเรายังสามารถมองหาวิตามินซีที่มีคุณภาพเพื่อช่วยลดระดับกรดยูริกได้อีกด้วย
หากมีข้อสงสัย หรืออยากสอบถามเพิ่มเติม เกี่ยวกับเรื่อง สุขภาพผู้สูงอายุ และการใช้ยา สามารถปรึกษากับเภสัชกรได้ที่ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสะดวกมากยิ่งขึ้น สามารถปรึกษาเภสัชกรร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ผ่าน Application ALL PharmaSee ได้ตลอด 24 ชั่วโมง มาสุขภาพดีไปด้วยกันนะคะ
![All Pharma See](https://www.exta.co.th/wp-content/uploads/2020/11/S__21725192.jpg)
Open this in UX Builder to add and edit content
- https://www.si.mahidol.ac.th/project/geriatrics/knowledge_article/knowledge_healthy_8_006.html
- https://www.doctor.or.th/article/detail/6481
- https://pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/424/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B8%B5-%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81-%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B9%8C/
- https://ccpe.pharmacycouncil.org/showfile.php?file=205
- https://ccpe.pharmacycouncil.org/index.php?option=article_detail&subpage=article_detail&id=667
- https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=1217