6 สารก่อภูมิแพ้อากาศที่ควรเลี่ยง พร้อมวิธีรับมือ ป้องกันให้ดีขึ้น

6 สารก่อภูมิ แพ้อากาศ ที่ควรเลี่ยง พร้อมวิธีรับมือ ป้องกันให้ดีขึ้น

แพ้อากาศ หนึ่งในอาการยอดฮิตที่สามารถพบได้บ่อยในทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะเมื่อผู้ป่วยมีอาการจาม คัดจมูก น้ำมูกไหล และคันตาเป็นประจำ อาการเหล่านี้มักเกิดจากการสัมผัสกับ สารก่อภูมิแพ้ ที่ล่องลอยอยู่รอบตัวเราโดยที่ตามองไม่เห็น 

และแน่นอนว่าผู้คนส่วนใหญ่อาจจะกำลังเข้าใจผิดว่า “การแพ้อากาศ” ถือเป็นสัญญาณเตือนสุขภาพที่บ่งบอกถึง “อาการหวัด” เกือบแทบทั้งหมด แต่ในความเป็นจริงแล้ว อาการแพ้อากาศ กับ อาการหวัด มีสาเหตุและแนวทางการดูแลที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน 

ด้วยความห่วงใยจาก ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส บทความนี้ จึงได้รวบรวมข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับการแยกแยะอาการทั้งสองอย่างให้เข้าใจง่าย พร้อมแนะนำ 6 สารก่อภูมิแพ้ในอากาศ ที่ควรเลี่ยง พร้อมวิธีรับมือ ป้องกันให้ดีขึ้น มาฝากกัน  

 

ทำความรู้จักกับ สารก่อภูมิแพอากาศ ให้มากขึ้น

 

ทำความรู้จักกับ สารก่อภูมิแพ้อากาศ ให้มากขึ้น

 

สารก่อภูมิแพอากาศ หรือ Airborne Allergens คือ สิ่งแปลกปลอมที่มีขนาดเล็ก ล่องลอยอยู่ในอากาศและสามารถเข้าสู่ร่างกายทางการหายใจ เมื่อร่างกายของผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันไวต่อสิ่งเหล่านี้ตรวจพบ ก็จะกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ เช่น อาการจาม คัดจมูก คันตา หรือแม้แต่อาการเหนื่อยหอบในบางราย 

 

แพ้อากาศ กับ อาการหวัด มีความแตกต่างกันอย่างไร? 

แม้ว่าอาการจาม คัดจมูก น้ำมูกไหล อาจทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่า “แพ้อากาศ” กับ “หวัด” เป็นเรื่องเดียวกัน แต่ความจริงแล้วทั้งสองมีสาเหตุ กลไกในร่างกาย และวิธีดูแลรักษาที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยสามารถเปรียบเทียบความแตกต่างของทั้งสองอาการ ได้ดังนี้ 

 

  ปัจจัยเปรียบเทียบ แพ้อากาศ หวัด
สาเหตุ ร่างกายตอบสนองต่อ สารก่อภูมิแพ้ เช่น ไรฝุ่น เกสร เชื้อรา PM 2.5 ติดเชื้อ ไวรัส เช่น Rhinovirus, Coronavirus
ลักษณะน้ำมูก ใส เบาบาง ไหลต่อเนื่อง เริ่มใสแล้วข้น หรือเปลี่ยนเป็นสีเหลือง/เขียว
อาการคัน คันจมูก คันตา คันคอ ไม่มีอาการคัน
ไข้ ไม่มีไข้ มักมีไข้ต่ำ–สูง
ระยะเวลาเป็น เป็น ๆ หาย ๆ หรือเป็นเรื้อรัง หายได้ใน 5–10 วัน
เวลาเกิดอาการ มักเป็นช่วงเช้า หรือตอนอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ตลอดวัน หรือหลังติดเชื้อไม่กี่วัน
อาการร่วม น้ำตาไหล จามบ่อย เหนื่อยง่ายจากภูมิแพ้ เจ็บคอ ปวดเมื่อย มีไข้ต่ำ
การติดต่อสู่ผู้อื่น ไม่ติดต่อ ติดต่อได้ผ่านละอองฝอยน้ำมูก/น้ำลาย
การรักษา ยาต้านฮิสตามีน ยาพ่นจมูก หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ ยาลดไข้ ยาแก้ไอ พักผ่อนเพียงพอ

ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง แพ้อากาศ VS อาการหวัด   

 

จะเห็นได้ว่า ภูมิแพ้อากาศ และ อาการหวัด มีสาเหตุและแนวทางการดูแลรักษาที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ดังนั้น การรู้สาเหตุของโรค หรือ อาการที่เป็นอยู่ จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถวางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้อง  

และเพื่อให้ผู้ป่วยเข้าใจอาการแพ้อากาศอย่างครอบคลุม การรู้จักกับ “สารก่อภูมิแพ้ในอากาศ” ก็จะช่วยให้เราสามารถรับมือ หรือ หลีกเลี่ยง เพื่อลดโอกาสของการเกิดภูมิแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

 

6 สารก่อภูมิแพ้อากาศ ที่ควรเลี่ยง มีอะไรบ้าง? 

การรู้จัก แหล่งของสารก่อภูมิแพ้อากาศ รอบตัวเรา ถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่ช่วยให้เราได้วางแผนการหลีกเลี่ยง และป้องกันภูมิแพ้กำเริบได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะในความเป็นจริงแล้ว สารก่อภูมิแพ้อากาศ ไม่ได้อยู่เฉพาะแค่นอกบ้านเพียงเท่านั้น แต่ยังซ่อนอยู่ภายในบ้านที่เราคิดว่าปลอดภัยอีกด้วย  

และเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถรับมือกับอาการ แพ้อากาศ ได้อย่างตรงจุด ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส จึงขอแบ่งแหล่งของสารก่อภูมิแพ้อากาศออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ ได้แก่

 

ประเภทที่ 1: สารก่อภูมแพ้อากาศ ภายในบ้าน  

1. ตัวไรฝุ่น (Dust Mites) 

 

สารก่อภูมิแพ้ อากาศ ตัว ไร ฝุ่น

 

พบได้มากในที่นอน หมอน ผ้าม่าน พรม หรือบริเวณที่มีฝุ่นสะสม ไรฝุ่นชอบอุณหภูมิและความชื้นที่พอเหมาะ และมูลของตัวไร ยังถือเป็นสารก่อภูมิแพ้แก่ผู้ป่วยโดยตรง 

วิธีหลีกเลี่ยง 
  • ซักผ้าปู หมอน และที่นอนด้วยน้ำร้อนอุณหภูมิ ≥ 60°C 
  • ใช้ปลอกกันไรฝุ่นที่ผ่านการรับรอง 
  • ดูดฝุ่นด้วยเครื่องดูดฝุ่นที่มีแผ่นกรองคุณภาพสูง 

 

2. เชื้อราในอากาศ (Mold Spores)

 

เชื้อราในอากาศ (Mold Spores)

 

มักจะพบเชื้อราได้ดีในบริเวณอับชื้น เช่น ห้องน้ำ มุมห้อง พรมเปียก หรือบริเวณที่ไม่มีแสงแดด สปอร์เชื้อราสามารถลอยในอากาศและเข้าสู่ทางเดินหายใจได้ 

วิธีเลี่ยง 
  • เปิดพัดลมหรือหน้าต่างเพื่อให้อากาศถ่ายเท 
  • ใช้เครื่องลดความชื้นในห้อง 
  • หมั่นตรวจสอบและทำความสะอาดคราบเชื้อราเป็นประจำ 

 

3. ขนสัตว์ และ รังแคสัตว์เลี้ยง (Pet Dander) 

 

ขนสัตว์ และ รังแคสัตว์เลี้ยง Pet Dander

 

สารก่อภูมิแพ้จากสัตว์เลี้ยงไม่ได้เกิดจากขนอย่างเดียว แต่รวมถึงน้ำลาย ผิวหนัง เห็บ หมัด และของเสีย เช่น ปัสสาวะ ซึ่งสามารถแพร่กระจายไปทั่วห้องได้ 

วิธีเลี่ยง 
  • หลีกเลี่ยงการเลี้ยงสัตว์ในห้องนอน 
  • อาบน้ำสัตว์เลี้ยงสม่ำเสมอ 
  • ใช้เครื่องฟอกอากาศในพื้นที่ที่สัตว์อยู่ 

 

ประเภทที่ 2: สารก่อภูมิแพ้อากาศ ภายนอกบ้าน  

  1. ละอองเกสร (Pollen)

 

ละอองเกสร (Pollen)

 

ละอองเกสรจากดอกไม้ ต้นไม้ และหญ้าถือเป็นสารก่อภูมิแพ้ที่พบบ่อยในฤดูฝนหรือฤดูใบไม้ผลิ โดยจะลอยฟุ้งไปในอากาศตามแรงลม 

วิธีเลี่ยง 
  • ปิดหน้าต่างในช่วงเช้าที่มีลมพัดแรง 
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งในวันที่ค่าละอองเกสรสูง 
  • อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังกลับจากนอกบ้าน 

 

5. ควันบุหรี่และมลภาวะทางอากาศ (Smoke & Air Pollution) 

 

ควันบุหรี่ และ มลภาวะทางอากาศ

 

ควันจากบุหรี่และมลพิษในอากาศ เช่น ควันจากท่อไอเสีย เตาเผา หรือฝุ่นจากการก่อสร้าง มีส่วนกระตุ้นอาการแพ้อากาศและทำให้ระบบทางเดินหายใจระคายเคือง 

วิธีเลี่ยง 
  • หลีกเลี่ยงพื้นที่สูบบุหรี่หรือจุดอับอากาศ 
  • ตรวจเช็กค่าคุณภาพอากาศ (AQI) ก่อนออกจากบ้าน 
  • สวมหน้ากากที่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ 

 

6. ฝุ่นละออง PM 2.5 

 

ฝุ่นละออง PM 2.5

 

ฝุ่น PM 2.5 มีขนาดเล็กกว่าขนจมูกที่สามารถเข้าสู่ปอดได้โดยตรง และยังสามารถพาเชื้อโรคหรือสารก่อภูมิแพ้อื่น ๆ ติดไปด้วย 

วิธีเลี่ยง 
  • ตรวจค่าฝุ่นจากแอปเช่น Air Visual หรือ AQI Thailand 
  • หลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านเมื่อค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน เพื่อป้องกันการแพ้ฝุ่น 
  • ใช้หน้ากาก N95 และเครื่องฟอกอากาศแบบคุณภาพสูง 

 

วิธีรับมือ และป้องกันอาการ “แพ้อากาศ” ด้วยตนเองแบบง่ายๆ

 

วิธีรับมือ และป้องกัน สารก่อภูมิแพ้ด้วยตนเองแบบง่ายๆ

 

สำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้อากาศ นอกจากการหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้แล้ว การปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย ก็มีส่วนช่วยป้องกันและลดโอกาสการเกิดภูมิแพ้ หรือภูมิตกได้ โดยทุกคนสามารถปฏิบัติตามได้ ดังนี้ 

  1. ทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอ เช่น ดูดฝุ่นพื้น พรม และเฟอร์นิเจอร์ทุกสัปดาห์ และซักเครื่องนอนด้วยน้ำร้อนอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง 
  2. ใช้เครื่องฟอกอากาศ หากเป็นไปได้อาจเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มี แผ่นกรอง เพื่อดักจับฝุ่น PM2.5 ไรฝุ่น และละอองเกสร 
  3. ควบคุมความชื้นภายในบ้าน ใช้เครื่องลดความชื้นในพื้นที่อับชื้น เช่น ห้องน้ำ และหลีกเลี่ยงการวางของเปียกชื้นไว้ในที่อากาศไม่ถ่ายเท 
  4. จัดการพื้นที่สัตว์เลี้ยง โดยไม่ให้สัตว์ขึ้นเตียงหรือเข้าเขตนอน รวมถึงอาบน้ำและแปรงขนสัตว์อย่างสม่ำเสมอ 
  5. ป้องกันตัวเมื่อออกนอกบ้าน เพื่อป้องกันอาการแพ้ฝุ่น ควรสวมใส่หน้ากาก N95 หรือ KF94 ในวันที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 สูง รวมถึงปิดหน้าต่างรถ / บ้านเมื่อละอองเกสรหรือค่าฝุ่นในอากาศมีจำนวนมาก 
  6. เตรียมยาที่จำเป็นไว้เสมอ เช่น ยาต้านฮิสตามีน หรือยาพ่นจมูกสำหรับผู้มีอาการเรื้อรัง และควรปรึกษาแพทย์ทันทีหากมีอาการหนักขึ้นหรือไม่ตอบสนองต่อยา

 

การใช้สิทธิบัตรทองเพื่อขอรับยา ลดน้ำมูก คัดจมูกจาก ภูมิแพ้อากาศ 

สำหรับผู้ที่มีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลจากสารก่อภูมิแพ้อากาศ และต้องการขอคำแนะนำจากเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญ สามารถใช้ สิทธิบัตรทองเพื่อรับบริการที่ร้านยาที่เข้าร่วม “โครงการร้านยาคุณภาพของฉัน ให้บริการดูแลอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย 32 อาการ” ได้ ซึ่งจะมีเภสัชกรคอยให้คำปรึกษา และจ่ายยาที่จำเป็นโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 

ผู้ที่ต้องการใช้สิทธิบัตรทองสำหรับรักษาอาการคันที่ร้านยา สามารถตรวจสอบรายชื่อร้านยาใกล้บ้านได้ผ่านแอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) [เช็กรายชื่อร้านยาได้ที่นี่] โดยร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ได้เข้าร่วมโครงการสิทธิบัตรทอง พร้อมให้บริการ Delivery จัดส่งยาและสินค้าสุขภาพถึงบ้าน ผ่านแอปพลิเคชัน ALL PharmaSee 

 

ใช้บริการ Delivery คลิกเลย!

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ อาการแพ้อากาศ และ สารก่อภูมิแพ้อากาศ 

Q: แพ้อากาศ เกิดจากอากาศเย็นใช่หรือไม่? 

A: ไม่เสมอไป เนื่องจาก สภาพอากาศเย็นเป็นแค่ปัจจัยเสริมที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดภูมิแพ้ แต่ต้นตอหลักส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดอาการ มักจะมาจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ เช่น ไรฝุ่น เชื้อรา และละอองเกสร ฯลฯ 

Q: แพ้อากาศ แตกต่างจาก หวัดธรรมดาอย่างไร? 

A: อาการแพ้อากาศ จะมีอาการคันตา คันจมูก จามติด ๆ กัน และมีน้ำมูกใส ๆ ไหลต่อเนื่อง โดยอาการจะดีขึ้นเมื่อหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ หรือ ใช้ยาแก้แพ้ ส่วนหวัดธรรมดามักเกิดจากเชื้อไวรัส มีอาการเจ็บคอ มีไข้ และน้ำมูกอาจข้นขึ้นได้ อาการมักหายไปเองภายใน 7-10 วัน 

Q: ภูมิแพ้อากาศ สามารถรักษาให้หายขาดได้ไหม? 

A: ไม่สามารถแก้อาการภูมิแพ้ หรือ รักษาให้หายขาดได้ 100% แต่สามารถควบคุมอาการและลดความรุนแรงของโรคได้ การรักษาหลักคือการหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ การใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการ และในบางกรณีอาจพิจารณาการฉีดวัคซีนภูมิแพ้ (Immunotherapy) เพื่อปรับภูมิต้านทานของร่างกาย 

 

สรุป 

“แพ้อากาศ” หนึ่งในอาการที่มีความใกล้เคียงกับ “อาการหวัด” ที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อไวรัส เช่น จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล แต่เกิดจากปฏิกิริยาของร่างกายต่อสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ ที่พบได้ทั่วไปทั้งในบ้านและนอกบ้าน ไม่ว่าจะเป็น ไรฝุ่น เชื้อรา ขนสัตว์ ละอองเกสร หรือฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เป็นต้น 

ดังนั้น การป้องกันสารก่อภูมิแพ้อากาศสามารถทำได้ด้วยวิธีง่าย ๆ เช่น การดูแลบ้านให้สะอาด ใช้เครื่องฟอกอากาศ ควบคุมความชื้น หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง และเตรียมยารักษาเบื้องต้นไว้ในกรณีจำเป็น จะช่วยให้เราสามารถควบคุมอาการกำเริบ และทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น 

 

ที่มา 

สารก่อภูมิแพ้ และสารระคายเคืองทางเดินหายใจ หลีกเลี่ยงได้ จาก โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ 

How to Prevent Airborne Allergies จาก Verywellhealth 

Dissecting Airborne Allergens จาก National Library of Medicine 

 


อัปเดตและติดตามสาระสุขภาพดี ๆ จาก ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ได้ที่

LINE: @eXtaPlus (https://bit.ly/eXtaplus)

หากมีข้อสงสัย หรืออยากสอบถามเพิ่มเติม เกี่ยวกับเรื่อง สุขภาพและการใช้ยา สามารถปรึกษากับเภสัชกรได้ที่ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสะดวกมากยิ่งขึ้น สามารถปรึกษาเภสัชกรร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ผ่าน Application ALL PharmaSee ได้ แล้วมาสุขภาพดีไปด้วยกันนะคะ

All Pharma See

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายการใช้คุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลใช้งาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้เอ็กซ์ต้าเห็นการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของเอ็กซ์ต้า รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่นๆ เอ็กซ์ต้ายังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งาน อย่างไรก็ดี ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้เอ็กซ์ต้าไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณา (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้เป็นคุกกี้ที่เกิดจากการเชื่อมโยงเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม ซึ่งเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานและเว็บไซต์ที่ท่านได้เข้าเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์ของเอ็กซ์ต้า ทั้งนี้หากท่านปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะไม่ส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์ของเอ็กซ์ต้า แต่จะส่งผลให้การนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นๆ ไม่สอดคล้องกับความสนใจของท่าน
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึก