กินยาเกินขนาดวิธีแก้เบื้องต้น เมื่อผู้สูงอายุหลงลืมและกินยาซ้ำ

กินยาเกินขนาดวิธีแก้เบื้องต้น เมื่อผู้สูงอายุหลงลืมและกินยาซ้ำ

การดูแลผู้สูงวัยในเรื่องกากินยาเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเมื่อความจำเริ่มไม่ค่อยดีเหมือนเดิม ทำให้มีโอกาสหลงลืมและกินยาซ้ำได้บ่อย ซึ่งอาจทำให้เกิดการกินยาเกินขนาดโดยไม่ได้ตั้งใจ การรู้วิธีแก้ไขเบื้องต้นเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะช่วยลดความรุนแรงและป้องกันอันตรายที่อาจถึงชีวิตได้ 

บทความนี้ ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส จะพาทุกคนไปรู้จักวิธีแก้ไขเบื้องต้นเมื่อผู้สูงอายุกินยาเกินขนาดจากความหลงลืม พร้อมเข้าใจการทำงานของยาและผลกระทบเมื่อได้รับยาเกินขนาด รวมถึงเคล็ดลับการป้องกันที่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน และคำแนะนำสำหรับคนในครอบครัวที่ต้องดูแลผู้สูงอายุให้จัดการยาได้อย่างปลอดภัย 

 

ทำไมผู้สูงอายุถึงกินยาเกินขนาดบ่อย? 

ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงสูงที่จะกินยาเกินขนาดเพราะหลายปัจจัย โดยเฉพาะเรื่องความจำที่เริ่มเสื่อมลงตามวัย ซึ่งทำให้หลงลืมและกินยาซ้ำได้โดยไม่รู้ตัว การเข้าใจสาเหตุจะช่วยให้เราป้องกันและรับมือได้ดีขึ้น 

 

ความจำไม่ค่อยดีและหลงลืมง่าย 

  • ภาวะที่ผู้สูงอายุรับประทานยาแล้วเกิดความหลงลืมภายหลัง และไม่สามารถจดจำได้ว่าตนเองได้รับประทานยาไปแล้วหรือไม่ จึงรับประทานยาซ้ำอีกครั้ง เป็นสถานการณ์ที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุที่มีภาวะความจำบกพร่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคอัลไซเมอร์หรือภาวะสมองเสื่อม ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการรับประทานยาซ้ำซ้อนและนำไปสู่การกินยาเกินขนาด 
  • ความรุนแรงของปัญหาความจำมีผลโดยตรงกับความเสี่ยงในการกินยาเกินขนาด ในระยะแรก ๆ ผู้สูงอายุอาจแค่กินยาซ้ำหนึ่งครั้ง แต่ถ้าหากอาการหนักขึ้น อาจกินซ้ำหลายครั้งในวันเดียวกัน หรือบางทีอาจหยิบยาของคนอื่นมากินด้วยความเข้าใจผิดว่าเป็นยาของตัวเอง 
  • ปัจจัยอื่น ๆ คนที่มีภาวะซึมเศร้าหรือเครียดวิตกกังวล ก็มีความเสี่ยงมากขึ้นด้วย เพราะอารมณ์มีผลต่อความจำและการตัดสินใจ บางทีก็กลัวว่าจะลืมกินยา ก็เลยกินซ้ำเพื่อให้แน่ใจว่าได้กินแล้ว ซึ่งกลายเป็นการกินเกินขนาดโดยไม่รู้ตัว 

 

การใช้ยาหลายชนิดพร้อมกัน 

  • ผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวหลายโรค เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ มักจำเป็นต้องรับประทานยาหลายชนิดในแต่ละวัน ซึ่งก่อให้เกิดความยากในการจดจำวิธีการใช้ยาแต่ละชนิด นำมาสู่ความสับสนและความเสี่ยงในการได้รับยาซ้ำซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ได้รับยาที่มีตัวยาสำคัญเดียวกันแต่ใช้ชื่อทางการค้าที่แตกต่างกัน ส่งผลให้กินยาเกินขนาดที่กำหนดไว้อย่างปลอดภัย 
  • กรณีที่พบได้บ่อย เช่น ผู้สูงอายุที่รับการรักษาจากสถานพยาบาลหลายแห่งและได้รับยาพาราเซตามอลจากทุกแหล่ง หรือได้รับยาที่มีตัวยาสำคัญเดียวกันแต่มีชื่อทางการค้าที่แตกต่างกัน เช่น ได้รับทั้ง Tylenol และ Sara (ซึ่งทั้งสองเป็นยาพาราเซตามอล) โดยไม่ทราบว่าเป็นตัวยาเดียวกัน จึงรับประทานทั้งสองรายการ ส่งผลให้ได้รับยาเกินขนาดที่แนะนำ 
  • ปัจจัยอื่น ๆ นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้สูงอายุมักรับประทานผลิตภัณฑ์สมุนไพรหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารร่วมกับยาแผนปัจจุบัน โดยไม่ได้แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ ซึ่งอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยาและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดพิษจากยา 

 

สายตาไม่ดีและอ่านฉลากยาไม่ชัด 

เมื่ออายุมากขึ้น สายตามักจะแย่ลง ทำให้อ่านฉลากยาไม่ชัด อาจหยิบยาผิดหรือกินยาในขนาดที่ไม่ถูกต้อง ปัญหาที่พบบ่อยในผู้สูงอายุที่สายตาไม่ดี ได้แก่ 

  • อ่านฉลากยาไม่ชัด ทำให้กินยาผิดเวลาหรือผิดขนาด 
  • แยกไม่ออกระหว่างยาที่หน้าตาคล้ายกัน เช่น เม็ดยาสีขาวหลายชนิด 
  • หยิบยาผิดขวดเพราะมองไม่ชัด โดยเฉพาะยาที่เก็บในตู้ยาเดียวกัน 
  • อ่านขนาดยาที่เขียนไว้บนกล่องไม่ได้ ทำให้ใช้ยาไม่ถูกต้อง 

การแก้ปัญหาพวกนี้ทำได้ไม่ยาก เช่น ใช้ฉลากยาตัวใหญ่ ๆ ใช้สีหรือสัญลักษณ์ที่ต่างกันสำหรับยาแต่ละอย่าง หรือใช้กล่องแบ่งยาที่ออกแบบมาสำหรับคนที่สายตาไม่ค่อยดี 

 

กินยาเองโดยไม่ปรึกษาหมอหรือเภสัช 

บางครั้งผู้สูงอายุอาจตัดสินใจเพิ่มหรือลดขนาดยาเอง เช่น เพิ่มขนาดยาเมื่อรู้สึกว่าอาการไม่ดีขึ้น หรือลดขนาดยาเมื่อรู้สึกว่ามีผลข้างเคียง โดยไม่ได้ปรึกษาหมอหรือเภสัช ซึ่งอาจนำไปสู่การใช้ยาที่ไม่เหมาะสม 

บางกรณี ผู้สูงอายุก็ซื้อยาจากหลายที่ ทั้งโรงพยาบาล คลินิก และร้านขายยา โดยไม่บอกหมอหรือเภสัชว่าได้ยาจากที่อื่นมาด้วย ทำให้ได้ยาซ้ำซ้อนหรือยาที่อาจมีปฏิกิริยากัน 

นอกจากนี้ บางคนก็เก็บยาเก่าไว้ใช้เมื่อมีอาการคล้ายเดิม ทั้งที่ยาบางอย่างอาจหมดอายุหรือไม่เหมาะกับอาการในตอนนี้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้ 

 

อาการและอันตรายเมื่อกินยาเกินขนาด 

 

อาการและอันตรายเมื่อกินยาเกินขนาด 

 

ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงสูงเมื่อกินยาเกินขนาด เพราะร่างกายเปลี่ยนแปลงตามวัย โดยเฉพาะการทำงานของตับและไตที่กำจัดยาออกจากร่างกายได้ช้าลง การรู้อาการและอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจะช่วยให้คนในครอบครัวรู้ว่าต้องรีบช่วยเหลืออย่างไร การกินยาเกินขนาดในกลุ่มนี้ต้องมีวิธีแก้เบื้องต้นที่เฉพาะเจาะจงตามชนิดของยา 

 

อาการที่พบบ่อยเมื่อกินยาเกินขนาด 

อาการของการกินยาเกินขนาดอาจแตกต่างกันไปตามชนิดของยา แต่อาการทั่วไปที่ควรสังเกตมีดังนี้ 

 

อาการทางสมองและระบบประสาท  

  • ง่วงนอนผิดปกติ สับสน หรือมึนงง 
  • พูดไม่ชัด เหมือนคนเมา 
  • เดินเซ ทรงตัวไม่ได้ 
  • กล้ามเนื้อกระตุก หรือชัก 
  • เห็นภาพหลอน 
  • หมดสติ ไม่รู้สึกตัว 

 

อาการทางหัวใจและหลอดเลือด  

  • หัวใจเต้นเร็วหรือช้าผิดปกติ 
  • หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ 
  • ความดันขึ้นสูงหรือตกต่ำผิดปกติ 
  • ปลายมือปลายเท้าเขียว 
  • เจ็บหน้าอก 

 

อาการทางการหายใจ  

  • หายใจเร็วหรือช้าผิดปกติ 
  • หายใจลำบาก หอบ 
  • หายใจตื้น ๆ 
  • ริมฝีปากและเล็บมือเขียวคล้ำ (ขาดออกซิเจน) 

 

อาการทางท้องและระบบย่อยอาหาร  

  • คลื่นไส้ อาเจียน 
  • ปวดท้อง 
  • ท้องเสีย หรือท้องผูก 
  • อาเจียนเป็นเลือด 

 

อาการทางปัสสาวะ  

  • ฉี่น้อยลงหรือไม่ฉี่เลย 
  • ปัสสาวะมีสีเข้มผิดปกติ 
  • บวมตามตัว 

 

ทั้งนี้อาการของการกินยาเกินขนาดในผู้สูงอายุอาจไม่แสดงออกอย่างชัดเจนเหมือนในผู้ป่วยทั่วไป ในบางกรณีอาจแสดงออกเพียงอาการสับสน เซื่องซึม หรืออาการทั่วไปที่ไม่จำเพาะเจาะจง ดังนั้น หากพบว่าผู้สูงอายุมีการเปลี่ยนแปลงของระดับความรู้สึกตัวหรือพฤติกรรมอย่างฉับพลัน และสงสัยว่าอาจมีการได้รับยาเกินขนาด ควรรีบให้การช่วยเหลือและนำส่งโรงพยาบาลทันที 

 

ยากลุ่มเสี่ยงที่ทำให้เกิดอันตรายรุนแรง 

ยาบางกลุ่มมีความเสี่ยงสูงเมื่อได้รับเกินขนาด เช่น ยาลดความดันโลหิต ยาเบาหวาน ยานอนหลับ ยาระงับปวดกลุ่มโอปิออยด์ ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยากลุ่มดิจิตาลิส และยาต้านการอักเสบที่ไม่ใชสเตอรอยด์ (NSAIDs) การกินยาเกินขนาดในกลุ่มนี้ต้องมีวิธีแก้เบื้องต้นที่เฉพาะเจาะจงตามชนิดของยา 

 

  1. ยาลดความดันโลหิต

ยาลดความดันโลหิตเป็นหนึ่งในกลุ่มยาที่มีความเสี่ยงสูงเมื่อได้รับเกินขนาด โดยเฉพาะยากลุ่มต่อไปนี้ 

  • ยากลุ่ม Calcium Channel Blockers เช่น Amlodipine, Nifedipine, Diltiazem  
    • อาการเมื่อได้รับเกินขนาด ความดันโลหิตต่ำรุนแรง หัวใจเต้นช้า กดการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ อาจทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน 
    • วิธีแก้เบื้องต้น จัดให้ผู้ป่วยนอนในท่าศีรษะต่ำและยกขาสูง เพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังอวัยวะสำคัญ รีบนำส่งโรงพยาบาล ซึ่งอาจจำเป็นต้องได้รับแคลเซียมทางหลอดเลือดดำและยากระตุ้นความดันโลหิต 
  • ยากลุ่ม ACE Inhibitors และ ARBs เช่น Enalapril, Lisinopril, Losartan  
    • อาการเมื่อได้รับเกินขนาด ความดันโลหิตต่ำรุนแรง อาจเกิดภาวะไตวายเฉียบพลัน 
    • วิธีแก้เบื้องต้น จัดให้ผู้ป่วยนอนราบ ให้สารน้ำทดแทนหากไม่มีข้อห้าม รีบนำส่งโรงพยาบาล 
  • ยากลุ่ม Betablockers เช่น Propranolol, Metoprolol, Atenolol  
    • อาการเมื่อได้รับเกินขนาด หัวใจเต้นช้ารุนแรง ความดันโลหิตต่ำ ภาวะหลอดลมตีบ (โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคหอบหืด) ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ 
    • วิธีแก้เบื้องต้น รีบนำส่งโรงพยาบาล อาจจำเป็นต้องได้รับ Glucagon หรือ Atropine ในสถานพยาบาล

 

  1. ยาเบาหวาน

ยาเบาหวานเมื่อได้รับเกินขนาดอาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำรุนแรง (Severe Hypoglycemia) ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต 

  • ยากลุ่ม Sulfonylureas เช่น Glipizide, Glyburide, Glimepiride  
    • อาการเมื่อได้รับเกินขนาด ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำรุนแรง มีเหงื่อออกมาก ใจสั่น มือสั่น หิวผิดปกติ สับสน ชัก หมดสติ 
    • วิธีแก้เบื้องต้น ให้น้ำตาลทางปากทันทีหากผู้ป่วยยังรู้สึกตัวและสามารถกลืนได้ เช่น น้ำผลไม้ น้ำหวาน หรือลูกอม หากผู้ป่วยหมดสติ ให้รีบนำส่งโรงพยาบาลทันที ห้ามพยายามให้ของเหลวทางปากในกรณีที่ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว 
  • ยา Insulin  
    • อาการเมื่อฉีดเกินขนาด ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำรุนแรงอย่างรวดเร็ว อาการคล้ายกับกรณีของ Sulfonylureas แต่มักมีความรุนแรงและเกิดขึ้นรวดเร็วกว่า 
    • วิธีแก้เบื้องต้น เช่นเดียวกับกรณีของ Sulfonylureas แต่อาจจำเป็นต้องให้น้ำตาลซ้ำหลายครั้ง เนื่องจากฤทธิ์ของ Insulin อาจยาวนานหลายชั่วโมง 

 

  1. ยานอนหลับและยาคลายกังวล

ยากลุ่มนี้เป็นสาเหตุสำคัญของการได้รับยาเกินขนาดในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 

  • ยากลุ่ม Benzodiazepines เช่น Diazepam (Valium), Alprazolam (Xanax), Lorazepam (Ativan 
    • อาการเมื่อได้รับเกินขนาด ง่วงซึมมาก พูดไม่ชัดเจน เดินเซ กดการหายใจ ความดันโลหิตต่ำ ในกรณีรุนแรงอาจหมดสติและหยุดหายใจ 
    • วิธีแก้เบื้องต้น รีบนำส่งโรงพยาบาล จัดให้ผู้ป่วยนอนตะแคงเพื่อป้องกันการสำลัก ติดตามการหายใจอย่างใกล้ชิด หากจำเป็นอาจต้องช่วยการหายใจ 
  • ยากลุ่ม Nonbenzodiazepine hypnotics เช่น Zolpidem (Ambien), Zopiclone  
    • อาการเมื่อได้รับเกินขนาด คล้ายกับยากลุ่ม Benzodiazepines แต่อาจมีอาการประสาทหลอนหรือพฤติกรรมผิดปกติร่วมด้วย 
    • วิธีแก้เบื้องต้น เช่นเดียวกับกรณีของ Benzodiazepines โดยให้รีบนำส่งโรงพยาบาล จัดให้ผู้ป่วยนอนตะแคงและติดตามการหายใจอย่างใกล้ชิด ในสถานพยาบาลอาจต้องให้ยาต้านฤทธิ์เฉพาะตามความเหมาะสม 

 

  1. ยาระงับปวดกลุ่มโอปิออยด์

ยากลุ่มนี้มีความเสี่ยงสูงมากเมื่อได้รับเกินขนาด และเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตจากยาเกินขนาด 

  • ยากลุ่ม Opioids เช่น Morphine, Codeine, Tramadol, Fentanyl  
    • อาการเมื่อได้รับเกินขนาด กดการหายใจรุนแรง รูม่านตาหดเล็ก ผิวหนังเย็น ซีด หรือเขียวคล้ำ ความดันโลหิตต่ำ ภาวะหมดสติ 
    • วิธีแก้เบื้องต้น รีบนำส่งโรงพยาบาลทันที หากมียา Naloxone (ยาต้านฤทธิ์โอปิออยด์) ให้ใช้ตามคำแนะนำ จัดให้ผู้ป่วยนอนตะแคงเพื่อป้องกันการสำลัก ติดตามการหายใจอย่างใกล้ชิด ให้การช่วยเหลือการหายใจหากจำเป็น 

 

  1. ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตอรอยด์ (NSAIDs)

ยากลุ่มนี้พบบ่อยในครัวเรือนและสามารถหาซื้อได้ง่าย ทำให้มีความเสี่ยงสูงต่อการได้รับเกินขนาด 

  • ยากลุ่ม NSAIDs เช่น Ibuprofen, Naproxen, Diclofenac  
    • อาการเมื่อได้รับเกินขนาด ปวดท้องรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน อาจมีภาวะเลือดออกในทางเดินอาหาร ภาวะไตวายเฉียบพลัน 
    • วิธีแก้เบื้องต้น รีบนำส่งโรงพยาบาล ห้ามทำให้อาเจียน หากมีอาการปวดท้องรุนแรง อาจให้ผู้ป่วยนอนราบและงอเข่าเพื่อลดแรงกดบนช่องท้อง ห้ามให้ยาระงับปวดเพิ่มเติม 

 

  1. พาราเซตามอล (ยาลดไข้ทั่วไป)

พาราเซตามอล เป็นยาที่หาซื้อได้ง่ายและมักถูกมองว่าปลอดภัย แต่ในความเป็นจริง การได้รับเกินขนาดอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ 

  • อาการเมื่อได้รับเกินขนาด ในระยะแรก (24 ชั่วโมงแรก) อาจมีเพียงอาการคลื่นไส้ อาเจียน เหงื่อออกมาก แต่หลังจากนั้นจะเริ่มมีอาการปวดท้องด้านขวาบน ตัวเหลือง ตาเหลือง ซึ่งเป็นสัญญาณของภาวะตับวาย  
  • วิธีแก้เบื้องต้น รีบนำส่งโรงพยาบาลทันที แม้ว่าจะยังไม่มีอาการชัดเจน เนื่องจากการรักษาด้วยยาต้านพิษ (N-acetylcysteine) มีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อให้ภายใน 8-10 ชั่วโมงหลังได้รับยาเกินขนาด ยิ่งได้รับการรักษาเร็ว โอกาสรอดชีวิตยิ่งสูง 

 

เมื่อผู้สูงอายุ กินยาเกินขนาดวิธีแก้เบื้องต้น

 

เมื่อผู้สูงอายุกินยาเกินขนาดวิธีแก้เบื้องต้น

 

เมื่อพบว่าผู้สูงอายุได้รับยาเกินขนาด การดำเนินการอย่างรวดเร็วและถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญที่สุด การให้ความช่วยเหลือที่เหมาะสมอาจช่วยลดความรุนแรงและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ 

 

การประเมินอาการเบื้องต้นก่อนให้ความช่วยเหลือ

เมื่อสงสัยว่าผู้สูงอายกินยาเกินขนาดวิธีแก้เบื้องต้น ควรเริ่มจากการประเมินระดับความรู้สึกตัว การหายใจ และสัญญาณชีพ หากผู้สูงอายุยังรู้สึกตัวดี ให้สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับชนิดยา ปริมาณ และเวลาที่ได้รับยา ข้อมูลเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการวางแผนการรักษา  

ขั้นตอนในการประเมินอาการเบื้องต้น มีดังนี้ 

  1. ประเมินระดับความรู้สึกตัว 

    • ตรวจสอบว่าผู้ป่วยรู้สึกตัวดีหรือไม่ 
    • ทดสอบการตอบสนองต่อการเรียก การสัมผัส หรือการกระตุ้นให้เจ็บ 
    • สังเกตขนาดของรูม่านตาและการตอบสนองต่อแสง 
  2. ประเมินการหายใจ 

    • ตรวจสอบว่าทางเดินหายใจโล่งไม่มีสิ่งกีดขวาง 
    • สังเกตอัตราการหายใจ ความลึกของการหายใจ และรูปแบบการหายใจ 
    • ตรวจสอบสีผิวและเล็บว่ามีภาวะเขียวคล้ำหรือไม่ 
  3. ประเมินระบบไหลเวียนโลหิต 

    • ตรวจชีพจร (อัตราการเต้นของหัวใจ ความแรง และความสม่ำเสมอ) 
    • วัดความดันโลหิตหากมีอุปกรณ์ 
    • สังเกตอุณหภูมิร่างกาย เหงื่อออก และสีผิว 
  4. รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับยา 

    • ชนิดของยาที่ได้รับเกินขนาด 
    • ปริมาณยาที่ได้รับ 
    • เวลาที่ได้รับยาครั้งล่าสุด 
    • หาภาชนะบรรจุยาหรือฉลากยาเพื่อนำไปให้บุคลากรทางการแพทย์
  5. ประเมินอาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง 

    • อาการคลื่นไส้ อาเจียน 
    • อาการปวดหรือไม่สบายตัว 
    • การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรือระดับการรู้ตัว 

หากพบว่าผู้ป่วยมีอาการรุนแรง เช่น หมดสติ หายใจลำบาก หรือชัก ให้รีบโทรแจ้งหน่วยบริการการแพทย์ฉุกเฉินทันที และเริ่มให้การช่วยเหลือเบื้องต้นตามความเหมาะสม 

 

การติดต่อศูนย์พิษวิทยาหรือบริการการแพทย์ฉุกเฉิน 

วิธีแก้ไขเบื้องต้นที่สำคัญเมื่อพบว่ามีการได้รับยาเกินขนาดคือการติดต่อศูนย์พิษวิทยา (1367) หรือหน่วยบริการการแพทย์ฉุกเฉิน (1669) ทันที โดยควรเตรียมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับยาที่ได้รับเกินขนาด ได้แก่ 

  1. ข้อมูลผู้ป่วย

    • อายุ น้ำหนัก 
    • โรคประจำตัว 
    • ยาที่ใช้ประจำ
  2. ข้อมูลเกี่ยวกับยาที่ได้รับเกินขนา

    • ชื่อยา (ชื่อสามัญทางยาหรือชื่อการค้า) 
    • ขนาดยาที่ได้รับ (จำนวนเม็ด ความแรง) 
    • เวลาที่ได้รับยา 
    • วิธีการได้รับยา (รับประทาน ฉีด) 
  3. อาการของผู้ป่วยในปัจจุบัน 

    • ระดับความรู้สึกตัว 
    • อาการสำคัญที่พบ เช่น อาเจียน ง่วงซึม ชัก 
    • สัญญาณชีพ (การหายใจ ชีพจร ความดันโลหิต) หากสามารถวัดได้ 
  4. การช่วยเหลือที่ได้ให้ไปแล้ว (ถ้ามี) 

ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถให้คำแนะนำที่เหมาะสมในการจัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

 

การป้องกันการกินยาเกินขนาดในผู้สูงอายุ

 

การป้องกันการกินยาเกินขนาดในผู้สูงอายุ

 

การป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไข โดยเฉพาะในกรณีการได้รับยาเกินขนาดที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต การจัดการยาอย่างเหมาะสมและการใช้ระบบที่ช่วยเตือนความจำสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ได้ 

 

การใช้อุปกรณ์จัดการยาสำหรับผู้สูงอายุ 

การใช้กล่องแบ่งยา หรืออุปกรณ์จัดการยาที่แบ่งตามวันและเวลา ช่วยให้ผู้สูงอายุและผู้ดูแลตรวจสอบได้ว่าได้รับประทานยามื้อนั้น ๆ ไปแล้วหรือไม่ ลดโอกาสรับประทานยาซ้ำและได้รับยาเกินขนาด ช่วยให้ผู้สูงอายุรับประทานยาได้ตรงเวลาและป้องกันการรับประทานยาซ้ำ 

อุปกรณ์จัดการยาที่แนะนำสำหรับผู้สูงอายุ ได้แก่ 

  1. กล่องแบ่งยาประจำวัน แบ่งตามมื้อยาในแต่ละวัน เช่น เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน 
  2. กล่องแบ่งยาประจำสัปดาห์ แบ่งตามวันในสัปดาห์และมื้อยาในแต่ละวัน 

การเลือกใช้อุปกรณ์ควรพิจารณาตามความเหมาะสมกับระดับความจำบกพร่องของผู้สูงอายุแต่ละราย 

 

การจัดทำรายการยาและตารางการรับประทานยา 

การจัดทำรายการยาทั้งหมดที่ผู้สูงอายุใช้ พร้อมระบุชื่อยา ขนาด วิธีใช้ และเวลาที่ต้องรับประทาน รวมถึงรูปภาพของยาแต่ละชนิด เป็นวิธีการป้องกันการได้รับยาเกินขนาดที่มีประสิทธิภาพ ควรเก็บรายการนี้ไว้ในที่ที่มองเห็นได้ชัดเจนและพกติดตัวเมื่อไปพบแพทย์หรือเภสัชกร 

แนวทางในการจัดทำรายการยาที่มีประสิทธิภาพ 

  1. จัดทำตารางยาที่ชัดเจน ระบุชื่อยา ขนาด สี รูปร่าง วิธีรับประทาน และเวลาที่ต้องรับประทานยา 
  2. ใช้รูปภาพประกอบ แนบรูปภาพยาแต่ละชนิดเพื่อช่วยในการแยกแยะ 
  3. ระบุข้อมูลสำคัญ เช่น รับประทานยาก่อนหรือหลังอาหาร ยาที่ห้ามรับประทานร่วมกัน 
  4. ทำสำเนาหลายชุด เก็บไว้ในที่ต่าง ๆ เช่น ตู้เย็น กระเป๋าสตางค์ และให้กับผู้ดูแลหรือสมาชิกในครอบครัว 
  5. ปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน แก้ไขรายการเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงยา 

การพกรายการยาติดตัวเมื่อไปพบแพทย์หรือเภสัชกรยังช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถตรวจสอบความซ้ำซ้อนของยาและป้องกันการสั่งยาที่อาจเกิดปฏิกิริยากับยาที่ผู้ป่วยใช้อยู่ 

 

การปรึกษาเภสัชกรเพื่อทบทวนรายการยา 

การพบเภสัชกรเพื่อทบทวนรายการยาทั้งหมดอย่างน้อยปีละครั้ง จะช่วยตรวจสอบความซ้ำซ้อนของยา ปฏิกิริยาระหว่างยา และลดความเสี่ยงในการได้รับยาเกินขนาด เภสัชกรสามารถแนะนำวิธีการปรับขนาดยาให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุแต่ละราย และหากเกิดเหตุฉุกเฉินจากการได้รับยาเกินขนาด จะมีวิธีแก้ไขเบื้องต้นที่เหมาะสม 

  1. ทบทวนรายการยาทั้งหมด ตรวจสอบความซ้ำซ้อนของตัวยาสำคัญและความเหมาะสมของขนาดยา 
  2. ประเมินปฏิกิริยาระหว่างยา วิเคราะห์โอกาสเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาที่ใช้ร่วมกัน 
  3. ให้คำแนะนำเรื่องการปรับขนาดยา เสนอแนะการปรับขนาดยาให้เหมาะสมกับอายุ น้ำหนัก และการทำงานของตับและไต 
  4. แนะนำวิธีการจัดการยาที่เหมาะสม ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์จัดการยาและการจัดตารางการรับประทานยา 
  5. ให้ความรู้เกี่ยวกับยา อธิบายวิธีการใช้ยาที่ถูกต้อง ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น และสัญญาณอันตรายที่ควรเฝ้าระวัง 

การปรึกษาเภสัชกรอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ผู้สูงอายุและผู้ดูแลมีความรู้และความมั่นใจในการบริหารยาอย่างปลอดภัย และทราบถึงวิธีแก้ไขเบื้องต้นหากเกิดเหตุฉุกเฉินจากการได้รับยาเกินขนาด นอกจากการเข้าพบเภสัชกรโดยตรงที่ร้านยาหรือโรงพยาบาลแล้ว ปัจจุบันยังสามารถปรึกษาเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญได้อย่างสะดวกรวดเร็วผ่านแอปพลิเคชัน ALL Pharmasee ซึ่งให้บริการปรึกษาปัญหาด้านยาได้ตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยให้ผู้ดูแลผู้สูงอายุสามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ยา การแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเมื่อมีการใช้ยาไม่ถูกต้อง หรือสงสัยว่าอาจมีการได้รับยาเกินขนาดได้ทันที 

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการ กินยาเกินขนาดวิธีแก้เบื้องต้น ในผู้สูงอายุ 

Q: กินยาพาราเซตามอลเกินขนาดวิธีแก้เบื้องต้นทำอย่างไร? 

A: รีบนำส่งโรงพยาบาลทันทีเมื่อผู้สูงอายุกินยาพาราเซตามอลเกินขนาด แม้ว่าอาการอาจไม่ปรากฏในช่วงแรก พิษต่อตับจะเกิดขึ้นหลังจาก 24-48 ชั่วโมง ห้ามทำให้อาเจียนหรือให้ดื่มนมเพราะไม่ช่วยลดการดูดซึมยา นำภาชนะบรรจุยาไปด้วยเพื่อให้แพทย์ประเมินปริมาณยาที่ได้รับ 

Q: กินยาความดันเกินขนาดมีอันตรายแค่ไหน วิธีแก้เบื้องต้นทำอย่างไร? 

A: การกินยาความดันเกินขนาดมีอันตรายสูง อาจทำให้ความดันโลหิตต่ำรุนแรงจนเกิดภาวะช็อก หมดสติ หรือหัวใจล้มเหลว วิธีแก้เบื้องต้นคือจัดให้ผู้ป่วยนอนราบและยกขาสูงเพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังอวัยวะสำคัญ ห้ามให้ดื่มน้ำหรืออาหารเพิ่ม และรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที 

Q: การกินยานอนหลับเกินขนาดมีวิธีแก้เบื้องต้นอย่างไร? 

A: จัดให้ผู้สูงอายุนอนตะแคงเพื่อป้องกันการสำลักและรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที หากยังรู้สึกตัวให้พยายามปลุกให้ตื่นและกระตุ้นการรู้สึกตัว ติดตามการหายใจอย่างใกล้ชิด ห้ามปล่อยให้นอนหลับโดยไม่ได้รับการดูแลเนื่องจากอาจเกิดภาวะหยุดหายใจได้ 

Q: กินยาแก้ปวดกลุ่มโอปิออยด์เกินขนาดวิธีแก้เบื้องต้นควรทำอย่างไร? 

A: รีบนำส่งโรงพยาบาลทันทีเมื่อผู้สูงอายุกินยากลุ่มโอปิออยด์เกินขนาด เนื่องจากอาจเกิดการกดการหายใจรุนแรง จัดให้นอนตะแคงเพื่อป้องกันการสำลัก หากมียา Naloxone (ยาต้านฤทธิ์โอปิออยด์) ให้ใช้ตามคำแนะนำ และติดตามการหายใจอย่างใกล้ชิดระหว่างนำส่งโรงพยาบาล 

Q: กินยาเบาหวานเกินขนาดวิธีแก้เบื้องต้นต้องทำอย่างไร? 

A: ให้น้ำตาลทางปากทันทีเมื่อผู้สูงอายุกินยาเบาหวานเกินขนาดและยังรู้สึกตัวดี เช่น น้ำผลไม้ น้ำหวาน น้ำผึ้ง หรือลูกอม เพื่อแก้ไขภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ หากผู้ป่วยหมดสติห้ามให้อาหารหรือเครื่องดื่มทางปาก ให้จัดท่านอนตะแคงและรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที 

Q: หากไม่แน่ใจว่าผู้สูงอายุกินยาอะไรเกินขนาด มีวิธีแก้เบื้องต้นอย่างไร? 

A: สังเกตอาการและเก็บภาชนะบรรจุยาที่สงสัยว่าผู้สูงอายุได้รับเกินขนาด รีบโทรแจ้งศูนย์พิษวิทยา (1367) หรือหน่วยบริการการแพทย์ฉุกเฉิน (1669) เพื่อขอคำแนะนำ จัดให้ผู้ป่วยนอนตะแคงหากมีอาการง่วงซึม และรีบนำส่งโรงพยาบาลเพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม 

 

สรุปเกี่ยวกับการ กินยาเกินขนาดวิธีแก้เบื้องต้น เมื่อผู้สูงอายุหลงลืมและกินยาซ้ำ  

การกินยาเกินขนาดในผู้สูงอายุเป็นเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้บ่อยเนื่องจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะภาวะความจำบกพร่องและการใช้ยาหลายชนิดร่วมกัน การเข้าใจถึงอาการและวิธีการแก้ไขเบื้องต้นเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจากการได้รับยาเกินขนาดจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ดูแลและสมาชิกในครอบครัว 

การประเมินอาการอย่างรวดเร็ว การติดต่อศูนย์พิษวิทยาหรือหน่วยบริการการแพทย์ฉุกเฉิน และการนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด เป็นขั้นตอนสำคัญในการจัดการกับเหตุการณ์ดังกล่าว นอกจากนี้ การใช้มาตรการป้องกัน เช่น การใช้อุปกรณ์จัดการยา การจัดทำรายการยาที่ชัดเจน และการปรึกษาเภสัชกรอย่างสม่ำเสมอ สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาได้ 

 

ที่มา 

ข้อควรระวัง การกินยาในผู้สูงอายุ จาก กองพัฒนาศักยภาพผู้บริโภค 

พิษจากยารักษาโรค (Drug Poisoning) บทความจาก กรมควบคุมโรค 

ผู้สูงวัยกินยา เรื่องธรรมดาที่ไม่ควรมองข้าม จาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

Overdose Symptoms, Risks, and Treatment บทความจาก Americanaddictioncenters 

What Are the Signs of a Drug Overdose? จาก GoodRx

Older adult drug overdose: an application of latent class analysis to identify prevention opportunities บทความจาก National Library of Medicine

Polypharmacy, hospitalization, and mortality risk: a nationwide cohort study จาก Nature 

 


อัปเดตและติดตามสาระสุขภาพดี ๆ จาก ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ได้ที่

LINE: @eXtaPlus (https://bit.ly/eXtaplus)

หากมีข้อสงสัย หรืออยากสอบถามเพิ่มเติม เกี่ยวกับเรื่อง สุขภาพและการใช้ยา สามารถปรึกษากับเภสัชกรได้ที่ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสะดวกมากยิ่งขึ้น สามารถปรึกษาเภสัชกรร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ผ่าน Application ALL PharmaSee ได้ แล้วมาสุขภาพดีไปด้วยกันนะคะ

All Pharma See

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายการใช้คุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลใช้งาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้เอ็กซ์ต้าเห็นการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของเอ็กซ์ต้า รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่นๆ เอ็กซ์ต้ายังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งาน อย่างไรก็ดี ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้เอ็กซ์ต้าไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณา (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้เป็นคุกกี้ที่เกิดจากการเชื่อมโยงเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม ซึ่งเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานและเว็บไซต์ที่ท่านได้เข้าเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์ของเอ็กซ์ต้า ทั้งนี้หากท่านปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะไม่ส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์ของเอ็กซ์ต้า แต่จะส่งผลให้การนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นๆ ไม่สอดคล้องกับความสนใจของท่าน
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึก