หน้าฝนเป็นช่วงเวลาที่ปัญหา ท้องเสีย มักเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เนื่องจากความชื้นสูงทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ง่าย การเลือกรับประทาน อาหารแก้ท้องเสีย ที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญในการฟื้นฟูระบบย่อยอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีอาการปวดท้องบิด ท้องเสีย ถ่ายเป็นน้ำ หรือถ่ายเหลวเป็นน้ำ การรู้จักเลือกอาหารที่หาง่ายในครัวไทยจะช่วยให้เราสามารถรับมือกับปัญหานี้ได้ง่ายขึ้น
ในบทความนี้ ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส จึงได้รวบรวมข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับอาหารแก้ท้องเสียที่หาง่ายในครัวไทย พร้อมคำแนะนำเพื่อให้สามารถดูแลสุขภาพระบบทางเดินอาหารได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
สาเหตุและอาการท้องเสียในหน้าฝน
การเข้าใจสาเหตุของปัญหาท้องเสียจะช่วยให้เราสามารถเลือกอาหารแก้ท้องเสียได้อย่างเหมาะสมมากขึ้นในช่วงหน้าฝนนั้น ความชื้นสูงและอุณหภูมิที่เหมาะสมทำให้เชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และปรสิตเจริญเติบโตได้ง่าย โดยเฉพาะในอาหารที่เก็บไว้ไม่ถูกวิธีหรืออาหารที่ปรุงไว้นานแล้ว
เชื้อโรคที่เป็นสาเหตุหลักของท้องเสีย
- เชื้อแบคทีเรียอย่าง Salmonella, E. coli และ Campylobacter เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการท้องเสียรุนแรง อาการที่พบได้แก่ ปวดท้องบิด ท้องเสีย ถ่ายเป็นน้ำ คลื่นไส้ อาเจียน และในบางกรณีอาจมีไข้ร่วมด้วย การรู้จักสังเกตอาการเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถเลือกวิธีการดูแลที่เหมาะสมได้
- ไวรัสต่าง ๆ เช่น Norovirus และ Rotavirus เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่พบบ่อย โดยเฉพาะในเด็กเล็ก อาการที่เกิดขึ้นมักจะรุนแรงกว่าการติดเชื้อแบคทีเรีย และอาจมีอาการถ่ายเหลวเป็นน้ำอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยเสี่ยงในช่วงหน้าฝน
ช่วงหน้าฝนเป็นช่วงที่การระบาดของโรคระบบทางเดินอาหารเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงหลายประการที่เอื้อต่อการปนเปื้อนของเชื้อโรคในอาหารและน้ำดื่ม ดังนี้
- อาหารเน่าเสียหรือเสื่อมสภาพ อาหารประเภทเนื้อสัตว์ ไข่ และผลิตภัณฑ์นม หากเก็บรักษาไม่ดีหรือแช่เย็นไม่เพียงพอ จะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อแบคทีเรีย เช่น Salmonella, E. coli, Campylobacter ได้ง่าย
- อาหารที่มีกะทิ เช่น แกง ขนมหวาน หรืออาหารที่มีมะพร้าวผสม เน่าเสียได้รวดเร็วในอากาศชื้น
- อาหารที่ผ่านการปรุงไว้นาน เช่น ข้าวมันไก่ ขนมจีน หรืออาหารกล่อง หากไม่ได้แช่เย็นหรืออุ่นร้อนก่อนรับประทาน เสี่ยงต่อการปนเปื้อนเชื้อโรค
- อาหารทะเลและผักสด หากไม่สด ไม่สะอาด หรือเก็บไว้นาน อาจเสี่ยงต่อการมีเชื้อโรคหรือพยาธิปนเปื้อน
- อาหารปรุงสุกไม่ทั่วถึง อาหารดิบ หรืออาหารที่ปรุงสุก ๆ ดิบ ๆ เช่น ลาบ ก้อยดิบ ส้มตำปูปลาร้า หมึกช็อต ยำหอยแครง หรือกุ้งเต้น มีโอกาสปนเปื้อนเชื้อโรคและพยาธิสูง รวมไปถึงอาหารที่ปรุงสุกแล้วแต่สัมผัสกับภาชนะหรือมือที่ไม่สะอาดหลังปรุงเสร็จ อาจนำเชื้อโรคเข้าสู่อาหารได้
- น้ำดื่มและน้ำแข็งที่ไม่สะอาดน้ำดื่มที่ไม่ได้ผ่านการกรองหรือต้มให้เดือดอาจมีเชื้อโรค เช่น E. coli, โคลิฟอร์ม หรือ Vibrio cholerae ซึ่งเป็นสาเหตุของอหิวาตกโรคและท้องเสียรุนแรงน้ำแข็งที่ผลิตจากน้ำไม่สะอาดหรือกระบวนการผลิตไม่ได้มาตรฐาน สามารถเป็นแหล่งปนเปื้อนเชื้อจุลชีพก่อโรค
- ผักสดและผลไม้ที่ล้างไม่สะอาดผักสดและผลไม้ที่ล้างไม่สะอาด อาจมีเชื้อโรคหรือไข่พยาธิจากดิน น้ำ หรือแมลงวันตอมปนเปื้อนอยู่การรับประทานสลัดหรือผักสดจึงควรล้างให้สะอาดหลาย ๆ ครั้งด้วยวิธีการล้างให้น้ำไหลผ่าน
- พฤติกรรมการบริโภคและสุขอนามัยการรับประทานอาหารที่วางขายในที่โล่งแจ้ง มีแมลงวันตอม หรือสัมผัสกับฝุ่นละออง เสี่ยงต่อการปนเปื้อนเชื้อโรคการไม่ล้างมือก่อนรับประทานอาหารหรือหลังเข้าห้องน้ำ เพิ่มโอกาสรับเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายการใช้ภาชนะหรืออุปกรณ์ที่ไม่สะอาดในการปรุงหรือรับประทานอาหาร
- น้ำท่วมขังและน้ำฝนน้ำท่วมขังในฤดูฝนเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อโรคและปรสิต หากอาหารหรือภาชนะสัมผัสกับน้ำเหล่านี้โดยตรงก็เสี่ยงต่อการปนเปื้อนน้ำฝนที่ปนเปื้อนอาจนำเชื้อโรคเข้าสู่แหล่งน้ำดื่มและอาหารได้
อาหารแก้ท้องเสีย ที่หาง่ายในครัวไทย
การเลือกอาหารแก้ท้องเสียที่เหมาะสมจะช่วยในการฟื้นฟูระบบย่อยอาหารและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน อาหารไทยหลายชนิดมีสรรพคุณในการบรรเทาอาการท้องเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยส่วนใหญ่จะเป็นอาหารที่ย่อยง่าย ไม่กระตุ้นระบบย่อยอาหาร และมีสารอาหารที่จำเป็นต่อการฟื้นฟู
เมนูอาหารหลักที่ย่อยง่ายสำหรับคนท้องเสีย
-
โจ๊กข้าวขาวหรือข้าวต้มหมูสับ
- ข้าวขาว 1/2 ถ้วย
- น้ำเปล่า 4-5 ถ้วย
- หมูสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ (ลวกให้สุกก่อน)
- เกลือป่นเล็กน้อย
วิธีทำ ต้มข้าวขาวกับน้ำจนเปื่อยนุ่ม ใส่หมูสับที่ลวกสุกแล้ว ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย ไม่ใส่เครื่องปรุงรสจัดหรือผักที่มีกากใยสูง
สรรพคุณ ข้าวในโจ๊กให้คาร์โบไฮเดรตที่ย่อยง่าย ช่วยเสริมพลังงานให้ร่างกายโดยไม่ทำให้ลำไส้ทำงานหนัก โปรตีนจากหมูสับช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหาย น้ำในโจ๊กช่วยชดเชยน้ำที่สูญเสียจากการถ่ายเหลว และเกลือช่วยทดแทนเกลือแร่ที่หายไป
เหมาะสำหรับ ผู้ที่เพิ่งมีอาการท้องเสียรุนแรง อาการถ่ายเป็นน้ำบ่อย ๆ หรือมีอาการอ่อนแรงจากการขาดน้ำ เป็นอาหารแรกที่ควรรับประทานเมื่ออาการเริ่มดีขึ้น
-
แกงจืดเต้าหู้หมูสับ
- น้ำซุปต้มกระดูกหมูหรือไก่
- เต้าหู้ไข่ 4-5 ชิ้น (หั่นเต๋า)
- หมูสับ 2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือหรือซีอิ๊วขาวเล็กน้อย
วิธีทำ ใช้น้ำซุปใสที่ต้มจากกระดูก ใส่เต้าหู้ไข่และหมูสับ ปรุงรสอ่อน ๆ ด้วยเกลือหรือซีอิ๊วขาวเล็กน้อย หลีกเลี่ยงผักที่มีกากใยสูง
สรรพคุณ น้ำซุปให้น้ำและเกลือแร่ที่จำเป็นต่อร่างกาย เต้าหู้ไข่เป็นแหล่งโปรตีนที่ย่อยง่าย ไม่ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนัก หมูสับให้โปรตีนและเหล็กที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง รสชาติอ่อนไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหารและลำไส้ที่อักเสบ
เหมาะสำหรับ ผู้ที่อาการท้องเสียเริ่มดีขึ้น สามารถรับประทานอาหารที่มีเนื้อสัมผัสมากกว่าโจ๊กได้ มีความต้องการโปรตีนเพิ่มขึ้น หรือต้องการอาหารที่ให้ความอิ่มนานขึ้น
-
ซุปไก่หรือซุปใส
- ไก่หรือหมู 200 กรัม
- น้ำเปล่า 4 ถ้วย
- เกลือป่นเล็กน้อย
วิธีทำ ต้มไก่หรือหมูในน้ำจนได้น้ำซุปใส ปรุงรสอ่อนๆ ไม่ใส่เครื่องเทศหรือผักมาก
สรรพคุณ น้ำซุปไก่อุดมไปด้วยอิเล็กโทรไลต์ (โซเดียม โพแทสเซียม) ที่ช่วยรักษาสมดุลของน้ำในร่างกาย โปรตีนจากไก่หรือหมูที่ละลายในน้ำซุปย่อยง่าย ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเสริมภูมิคุ้มกัน อุณหภูมิอุ่นของซุปช่วยส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต
เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีอาการอ่อนแรง เหนื่อยง่าย หรือขาดน้ำจากการท้องเสีย ผู้ที่ต้องการเสริมสร้างความแข็งแรงให้ร่างกายหลังป่วย หรือผู้ที่มีอาการคลื่นไส้เล็กน้อยแต่ยังสามารถดื่มของเหลวได้
เมนูผลไม้และสมุนไพรที่ช่วยแก้ท้องเสีย
-
กล้วยน้ำว้าดิบ/ห่าม
วิธีรับประทาน ปอกกล้วยรับประทานสด หรือฝานเป็นแว่นบาง ๆ ตากแดดให้แห้ง บดเป็นผง ชงกับน้ำต้มสุกอุ่น ดื่มครั้งละ ½-1 ผล
สรรพคุณ กล้วยน้ำว้าดิบมีแทนนิน (Tannins) สูง ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ Astringent ช่วยสมานแผลและลดการอักเสบในลำไส้ใหญ่และลำไส้เล็ก เพคติน (Pectin) ในกล้วยช่วยดูดซับน้ำส่วนเกินในลำไส้ ทำให้อุจจาระแข็งตัวขึ้น โพแทสเซียมช่วยทดแทนเกลือแร่ที่สูญเสียจากการถ่ายเหลว และคาร์โบไฮเดรตให้พลังงานที่ย่อยง่าย
เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีอาการถ่ายเป็นน้ำบ่อย ๆ ท้องเสียเรื้อรัง หรือมีการอักเสบของลำไส้ เหมาะกับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในระยะแรกของการท้องเสียที่ต้องการให้อุจจาระแข็งตัวเร็วที่สุด
-
ฝรั่ง (ผลอ่อนและใบแก่)
- ผลฝรั่งอ่อน 1 ผล หรือใบฝรั่งแก่ 10-15 ใบ
- น้ำปูนใสหรือน้ำเปล่า
วิธีใช้ ผลอ่อนฝนกับน้ำปูนใสดื่มเมื่อมีอาการถ่าย สำหรับใบแก่ให้ปิ้งไฟให้กรอบ แล้วต้มกับน้ำสะอาดหรือชงกับน้ำร้อน ดื่มเป็นชาสมุนไพร
สรรพคุณ ฝรั่งมีสารแทนนินสูง ทำให้มีฤทธิ์ฝาดและสมานลำไส้ได้ดี วิตามิน C ในฝรั่งช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและต้านอนุมูลอิสระ สารประกอบ Flavonoids ช่วยลดการอักเสบและมีฤทธิ์ปฏิชีวนะเบา ๆ กาลิค แอซิด (Gallic Acid) ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของท้องเสีย
เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีอาการท้องเสียจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ถ่ายมีเลือดปนเล็กน้อย หรือมีอาการปวดท้องบิดร่วมด้วย เหมาะกับผู้ใหญ่และเด็กโตที่ต้องการสารต้านอนุมูลอิสระเสริมด้วย
-
เปลือกมังคุด
- เปลือกมังคุดแห้ง ครึ่งผล
- น้ำปูนใสหรือน้ำต้มสุก 100 มิลลิลิตร
วิธีใช้ ย่างเปลือกมังคุดแห้งไฟให้เกรียม ฝนกับน้ำปูนใสหรือน้ำต้มสุก
สรรพคุณ เปลือกมังคุดอุดมไปด้วยสาร Xanthones โดยเฉพาะ α-mangostin และ γ-mangostin ที่มีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียและต้านการอักเสบสูง สารเหล่านี้ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของ E. coli, Salmonella และ Staphylococcus aureus แทนนินช่วยสมานลำไส้และลดการอักเสบของเยื่อบุลำไส้ สารต้านอนุมูลอิสระช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหาย
เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีอาการท้องเสียรุนแรงจากการติดเชื้อ มีไข้ร่วมด้วย หรือมีการอักเสบของลำไส้มาก เหมาะกับผู้ใหญ่ที่ต้องการสารต้านแบคทีเรียจากธรรมชาติ
-
เปลือกและเมล็ดทับทิม
- เปลือกทับทิมแห้ง 1/4 ผล หรือเมล็ดทับทิมแห้ง 6-9 กรัม
- น้ำปูนใสหรือน้ำต้มสุกอุ่น
วิธีใช้ เปลือกฝนกับน้ำปูนใส รับประทานครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ สำหรับเมล็ดให้ตากแห้งบดละเอียด ชงกับน้ำต้มสุกอุ่นดื่ม
สรรพคุณ เปลือกและเมล็ดทับทิมมีแทนนินสูงถึง 20-25% ซึ่งสูงที่สุดในกลุ่มผลไม้สมุนไพรไทย สาร punicalagin และ ellagic acid มีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียและต้านไวรัสแรง ช่วยลดการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร anthocyanins ให้สีแดงของทับทิม มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยซ่อมแซมเยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้
เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีอาการท้องเสียเรื้อรัง ถ่ายมีเลือดปน หรือมีแผลในกระเพาะอาหารร่วมด้วย เหมาะกับผู้ที่ต้องการสารต้านอนุมูลอิสระสูง แต่ควรระวังในผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ
เมนูน้ำต้มสมุนไพรไทย
-
น้ำต้มขิง
- ขิงแห้งหรือสด 1 นิ้ว (ฝานบางๆ)
- น้ำต้มสุกอุ่น 1 แก้ว
วิธีทำ ชงขิงกับน้ำต้มสุกอุ่น ดื่มวันละ 1 แก้ว
สรรพคุณ ขิงมีสารออกฤทธิ์หลักคือ Gingerol และ Zingiberene ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านแบคทีเรีย Gingerol ช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อยและเอนไซม์ย่อยอาหาร ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น สารประกอบ Shogaol ช่วยลดอาการคลื่นไส้และอาเจียน ขิงยังมีฤทธิ์ขับลมในลำไส้ ช่วยลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ และมีสรรพคุณอุ่นท้อง เหมาะกับการแก้อาการปวดท้องเนื่องจากลมในท้อง
เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ร่วมกับท้องเสีย ปวดท้องจากลมในท้อง หรือมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อ เหมาะกับทุกวัย แต่ควรระวังในหญิงตั้งครรภ์และผู้ที่มีโรคกระเพาะอาหาร
-
ชาใบสะระแหน่
- ใบสะระแหน่สด 1 กำมือ
- น้ำเปล่า 2 ถ้วย
วิธีทำ ต้มใบสะระแหน่กับน้ำ ดื่มเป็นชาสมุนไพร
สรรพคุณ ใบสะระแหน่มีน้ำมันหอมระเหย Menthol เป็นสารหลัก ที่ให้ความรู้สึกเซาะแสบและช่วยขับลมในลำไส้ได้ดี สาร Menthone และ Menthyl Acetate ช่วยลดการหดตัวของกล้ามเนื้อเรียบในลำไส้ ทำให้ลดอาการปวดท้องจากลมในท้อง Rosmarinic Acid มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านจุลชีพ ช่วยลดการระคายเคืองของลำไส้ ขณะเดียวกันก็ช่วยกระตุ้นการย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหาร
เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีอาการท้องอืดท้องเฟ้อ มีลมในท้องมาก ปวดท้องแบบบิดเบี้ยว หรือมีปัญหาการย่อยอาหารไม่ดีร่วมกับท้องเสีย เหมาะกับผู้ใหญ่และเด็กโต ไม่เหมาะกับเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 2 ปี
-
น้ำต้มลำต้นและรากมะเขือยาว
- ลำต้นและรากมะเขือยาว 1 กำมือ
- น้ำเปล่า 3 ถ้วย
วิธีทำ ต้มลำต้นและรากมะเขือยาวกับน้ำ ดื่มเพื่อบรรเทาอาการถ่ายไม่หยุด
สรรพคุณ ลำต้นและรากมะเขือยาวมีสารไฟโตเคมิคอล (phytochemicals) ที่มีฤทธิ์สมานลำไส้และลดการอักเสบ สาร alkaloids และ glycosides ช่วยยับยั้งการหดตัวมากเกินไปของลำไส้ ทำให้ลดการถ่ายที่บ่อยเกินไป สาร saponins มีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียเบาๆ ช่วยลดการติดเชื้อในลำไส้ นอกจากนี้ยังมีแร่ธาตุและวิตามินที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้เยื่อบุลำไส้
เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีอาการถ่ายไม่หยุด ถ่ายบ่อยมากในวัน หรือมีอาการท้องเสียเรื้อรังที่ยาสมัยใหม่ช่วยไม่ได้ดี เหมาะกับผู้ใหญ่ที่ต้องการใช้สมุนไพรเสริมการรักษา แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ในผู้ป่วยเรื้อรังกับน้ำต้มสุกอุ่น ดื่มวันละ 1 แก้ว ขิงช่วยลดอาการคลื่นไส้ ขับลม และบรรเทาอาการปวดท้อง
การดูแลตนเองเมื่อมีอาการท้องเสียบ่อย
สำหรับผู้ที่มีปัญหาท้องเสียบ่อย กินอะไรก็ท้องเสีย การเลือกทานอาหารจำเป็นต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากระบบย่อยอาหารอาจมีความไวต่อการกระตุ้นมากกว่าปกติ การเลือกรับประทานอาหารที่อ่อนโยนต่อกระเพาะอาหารและลำไส้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
- อาหารที่มีไขมันสูง โดยเฉพาะอาหารทอด ควรหลีกเลี่ยงในช่วงที่มีอาการท้องเสีย เพราะไขมันจะทำให้การย่อยอาหารช้าลง และอาจกระตุ้นให้เกิดอาการท้องเสียมากขึ้น อาหารรสเผ็ด รสเปรี้ยวจัด และอาหารที่มีเครื่องเทศมากก็ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน
- ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม มะนาว สับปะรด และผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง อาจทำให้อาการท้องเสียรุนแรงขึ้น
- การดื่มนมและผลิตภัณฑ์จากนม ควรงดทานในช่วงแรก เพราะแลคโตสอาจทำให้เกิดการถ่ายเหลวมากขึ้น
การรักษาสมดุลน้ำและเกลือแร่
การดื่มน้ำเปล่าอย่างเพียงพอสำคัญมากต่อร่างกาย แต่ในกรณีที่มีอาการถ่ายเหลวเป็นน้ำอย่างต่อเนื่อง การดื่มน้ำเกลือแร่หรือน้ำตาลเกลือจะช่วยชดเชยแร่ธาตุที่สูญเสียไป
การใช้สิทธิบัตรทองในการรักษาอาการท้องเสีย
สำหรับผู้ที่มีอาการท้องเสีย สามารถใช้สิทธิบัตรทองเพื่อรับบริการที่ร้านยาที่เข้าร่วม “โครงการร้านยาคุณภาพของฉัน ให้บริการดูแลอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย 32 อาการ” ได้ ซึ่งจะมีเภสัชกรคอยให้คำปรึกษา และจ่ายยาที่จำเป็น เพื่อบรรเทาอาการ ให้หายดีขึ้นโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ผู้ที่ต้องการใช้สิทธิบัตรทองสำหรับรักษาอาการท้องเสียที่ร้านยา สามารถตรวจสอบรายชื่อร้านยาใกล้บ้านได้ผ่านแอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) [เช็กรายชื่อร้านยาได้ที่นี่] โดยร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ได้เข้าร่วมโครงการสิทธิบัตรทอง พร้อมให้บริการ Delivery จัดส่งยาและสินค้าสุขภาพถึงบ้าน ผ่านแอปพลิเคชัน ALL PharmaSee
ใช้บริการ Delivery คลิกเลย!
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาหารแก้ท้องเสีย
Q: ท้องเสียต้องกินอะไรถึงหายเร็วที่สุด
A: อาหารแก้ท้องเสียที่ทำให้หายเร็วที่สุดคือข้าวต้มเปล่า และน้ำเกลือแร่ การรับประทานข้าวต้มเปล่าทีละน้อย ๆ บ่อย ๆ ครั้ง ร่วมกับการดื่มน้ำเกลือแร่เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำและเกลือแร่จะช่วยให้อาการดีขึ้นภายใน 24-48 ชั่วโมง ทั้งนี้หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีไข้สูง ควรปรึกษาแพทย์
Q: ปวดท้องบิด ท้องเสีย ถ่ายเป็นน้ํา กินยาอะไรดี
A: สำหรับอาการปวดท้องบิด ท้องเสีย ถ่ายเป็นน้ำ การใช้ยาเบื้องต้นที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านขายยาที่ได้มาตรฐาน ได้แก่ ยาแก้ท้องเสียที่มีส่วนผสมของ Loperamide หรือ Attapulgite แต่ไม่ควรใช้เกิน 2-3 วัน ทั้งนี้ควรปรึกษาเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้ยาทุกครั้ง
Q: ถ่ายเหลว แต่ไม่ท้องเสีย เป็นอาการของโรคอะไร
A: การถ่ายเหลว แต่ไม่ท้องเสียอาจเป็นสัญญาณของปัญหาอื่น ๆ เช่น การย่อยอาหารไม่ดี โรคลำไส้แปรปรวน หรือการแพ้อาหารบางชนิด การสังเกตอาการร่วมอื่น ๆ เช่น ปวดท้อง ท้องอืด หรือมีเลือดปนจะช่วยในการวินิจฉัยเบื้องต้น ถ้าอาการคงอยู่นานเกิน 1 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด
Q: แก้ท้องเสีย จากอาหารเป็นพิษต้องทำอย่างไร
A: กรณีแก้ท้องเสีย อาหารเป็นพิษ ขั้นแรกต้องหยุดรับประทานอาหารแข็งทันที ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อขับสารพิษออกจากร่างกาย หากมีอาการอาเจียนให้อาเจียนออกมา ไม่ควรฝืนกลั้น หากมีอาการรุนแรง เช่น ไข้สูง ปวดท้องมาก อาเจียนไม่หยุด ควรรีบเข้าพบแพทย์ทันที
สรุป
อาหารแก้ท้องเสีย เป็นทางเลือกเบื้องต้นที่ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้รวดเร็วโดยไม่ต้องใช้ยาในทันที โดยเฉพาะในกรณีที่อาการยังไม่รุนแรง ควรเน้นอาหารอ่อน ย่อยง่าย ดื่มน้ำเกลือแร่เสริม และหลีกเลี่ยงสิ่งที่กระตุ้นอาการ อย่างไรก็ตาม หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2 วัน หรือมีอาการรุนแรง เช่น ถ่ายเป็นมูกเลือด อาเจียนมาก หรือมีไข้สูงเกิน 38.5°C ควรรีบเข้าพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นภาวะที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเฉพาะเจาะจง เช่น โรคติดเชื้อแบคทีเรียหรือพยาธิในลำไส้
การดูแลตนเองด้วยความเข้าใจและเลือกอาหารที่เหมาะสม คือจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูสุขภาพทางเดินอาหารอย่างยั่งยืน
ที่มา
อาหารเป็นพิษ (Food Poisoning) จาก กรมควบคุมโรค
อาหารสำหรับผู้ที่ท้องเสีย บทความจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
“ซีฟู๊ด-อาหารพื้นบ้าน”ปรุงไม่สุก เสี่ยงท้องเสีย จาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
Diarrhoeal disease จาก world health organization
โรคที่มากับหน้าฝน บทความจาก โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์
แนะกิน “กล้วยน้ำว้าดิบ” ยับยั้งโรคท้องร่วง จาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
อัปเดตและติดตามสาระสุขภาพดี ๆ จาก ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ได้ที่
หากมีข้อสงสัย หรืออยากสอบถามเพิ่มเติม เกี่ยวกับเรื่อง สุขภาพและการใช้ยา สามารถปรึกษากับเภสัชกรได้ที่ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสะดวกมากยิ่งขึ้น สามารถปรึกษาเภสัชกรร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ผ่าน Application ALL PharmaSee ได้ แล้วมาสุขภาพดีไปด้วยกันนะคะ
บทความที่เกี่ยวข้อง